วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บทเรียนจากพี่ต้น






ตอนเป็นนักเรียนใหม่ผมได้ยินชื่อพี่ นรต.ธรรมนูญ ศรีโพธิ์
ครั้งแรกจากปากไอ้แม็คบัดดี้ข้างเตียงผม 
ผู้ซึ่งกระหายอยากจะเข้าชมรมยูโดด้วยกัน

"วันนี้กูเข้ายามไปเจอพี่ชื่อ ธ.ธง อะไรซักอย่าง พี่แกบอกแกเป็น ประธานชมรมยูโด วะ พอรู้ว่ากูจะเข้าแกล้งกูชิบหายเลย มึงหาชื่อพี่เข้าไว้ด้วยนะเว้ย" ไอ้แม็คเล่าเรื่องหลังจากที่มันออกยามมาให้ผมฟัง

          ผมกับมันก็เลยต้องเปิดไล่ชื่อ ธ.ธง จากไดอารี่นรต. ซึ่งชื่อธ.ธงมันก็ช่างมีเยอะเหลือเกิน แล้วแถมมาบอกเป็นประธานชมรมอีก ไม่รู้ว่าโผหลอกรึเปล่า

         เมื่อถึงคราวได้กินขนมชมรม ก็ถึงได้เจอกับพี่ต้นตัวเป็นๆเสียที
พี่ต้นเป็นหนึ่งในพี่จอมแกล้งและฝืดคนหนึ่ง (แถมต่อยหนักอีกต่างหาก!)
เพื่อนๆ รวมถึงผมด้วยเลยลงมติว่าเกลียดแกมากที่สุดในขณะนั้น
ไม่วายแม้แต่ตอนที่ได้ซ้อมบนเบาะแล้ว
เพราะทุ่มแกได้ยากมาก ด้วยลักษณะตัวที่ตันๆป้อมๆ จับก็ยาก เล่นซ้ายอีกต่างหาก
พวกน้องๆปี 1 อย่างผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ แถมซ้อมเสร็จต้องมากระดานแถวเดียวประจำวัน
โดนแกแต่ละทีกระเด็นไปสามถึงสี่ก้าว


"ถ้าแค้นกันมากก็เอาคืนกันบนเบาะ!" 
พี่ต้นมักจะพูดคำนี้เสมอ และมันเป็นเหมือนมอตโต้ประจำชมรมยูโดไปเสียแล้ว

         จนถึงวันหนึ่งที่ผมเริ่มทุ่มแกได้ด้วยคำพูดของแก ผมดีใจมากและสะใจมากในเวลาเดียวกัน
ที่ผมทุ่มพี่ชั้น 4 คนที่น้องชั้น 1 หมายหัวไว้ว่าต้องแก้แค้นให้ได้! 
และผมเหมือนเป็นตัวแทนรุ่นได้ทุ่มแกแล้ว! 
หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็เริ่มทุ่มพี่ต้นได้บ้าง เพราะซ้อมและเล่นด้วยกันทุกวัน
"พวกมึงเล่นกันแรงวะ ไหล่กูหลุดอีกแล้ว" หลังๆพี่ต้นมักบ่นอย่างนี้เสมอ 
มันฟังดูเหมือนข้ออ้าง เลยทำเอาน้องๆเซงไปตามกัน
"พี่ต้นแม่ง !@#$%" บ่อยครั้งที่พี่ต้นบ่นแบบนั้น มักจะมีน้องบ่นตามมาต่างๆนาๆ

           อยู่มาวันหนึ่งวันที่ได้พบเจอกับพี่เจ 57 เป็นครั้งแรก และต้องมาทำท่านั่งม้า หรือที่เราเรียกกันว่าท่าขับมอไซค์ ความลำบากของท่ามันไม่ได้อยู่ที่การทำหรอก... 
แต่มันอยู่ที่ "ยุง" ที่เบาะยูโดนี่แหละ มันมหาศาลมากจริงๆ
แล้วต้องอยู่เฉยๆห้ามขยับเป็นอะไรที่ทรมานมาก
พี่ต้นคนเดิมมาพร้อมกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ
ในใจคิด "พี่ต้นแม่ง !@#$ แค่นี้กูก็จะตายอยู่ละยังจะมาแกล้งกูอีกหรอ!?"  
แต่ผิดถนัด! พี่ต้นมาพร้อมกับยากันยุงและผ้าผืนเล็กๆของแกคอยไล่ยุงที่มันคอยกัดจนเท้าทั้ง 2 ข้างมันแดงไปหมดแล้ว น้องชั้น 1 ทั้ง 14 คน แกคอยดูแลและไล่ปัดให้ทุกคน 
แกเป็นดั่งพ่อพระในวันนั้นที่น้องๆต้องส่งสายตาอ้อนวอนให้พี่ต้นมาปัดยุงให้
ในวันที่เลิกช้า แล้วกลับมากองร้อยไม่ทันเวลา
แกมักบอกกับผมเสมอว่า "ถ้ามีปัญหากับผู้ช่วยให้มาบอกกู" ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่อยากมีปัญหาอะไรกับผู้ช่วยหรอก มาช้าทีไรก็โดนยามโทษเป็นปกติ 
(แบบนี้คงไม่เรียกว่ามีปัญหากับผู้ช่วยเนาะ)
แกมักพูดเสมอๆว่าเมื่อไหร่ที่มีปัญหาอะไรกับใครให้มาหาแก
ซึ่งพวกเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าพี่ต้นแกเป็นอย่างไร แต่ก็ซึ้งใจในความเป็นห่วงของพี่เสมอ
ในวันที่พี่ต้นจบ พี่ต้นก็ยังไม่ลืมที่จะบอกกับน้องๆว่า
"พวกมึงจำไว้ ถ้าพวกมึงโดนตัดแต้มอย่าไปซีเรียส มีปัญหาอะไรให้โทรหากู"
หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มเจอพี่ต้นน้อยลง 
อาจจะเจอที่ โรงเรียนบ้างเพราะแกมาธุระอะไรบางอย่าง
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งผมขึ้นมาเป็นชั้นปีที่ 4 ผมก็ได้เข้าใจในอะไรหลายๆอย่างที่พี่ต้นแกได้ทำลงไป ที่ฝืดกับน้องเพื่อคุมน้องให้ได้ ที่ไม่ปล่อยพี่ชั้น 2 เพื่อให้ยูโดยังคงระบบชมรมพี่ดูแลน้องเอาไว้
ที่ต้องดูแลน้องในวันที่น้องมีปัญหาต่างๆ 
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่เคยได้ทำไว้มันย้อนคืนมาหมดเลยนะ
.
.
.
.
.
จนถึงวันที่พี่ๆไลน์มาบอกว่า พี่ต้นประสบอุบัติเหตุรถชน
ตอนแรกก็คิดว่าแข็งแกร่งแบบยูโดคงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ
แต่ผิดคาด...
พี่ต้นต้องจากไปเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว 
ถึงแม้ว่าหมอจะยื้อมาได้ซักระยะเวลาหนึ่งก็ตาม
ไลน์ชมรมยูโด 69 เด้งขึ้นมาตอน 10 โมง ว่าพี่ต้นเสียแล้ว ศพตั้งอยู่ที่วัดหัวหิน
ไม่มีใครลังเลที่จะไม่ไปหาพี่...
พี่ชายที่แม้ว่าน้องทั้งชมรมเคยคิดเกลียดพี่...
บ่ายวันนั้นพวกเรานั่งรถตู้เพื่อไปหาพี่เป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อพวกเราไปถึง ญาติของพี่ต้นพาเราเข้าไปไหว้ศพพี่ที่หน้าโลง
รูปของพี่ต้นยังเป็นรูปที่พี่ต้นเล่นเบสอย่างมีความสุข...


ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาพบพี่อีกครั้งในรูปแบบนี้
ในงานนี้ทำให้พวกผมได้พบกับพ่อและแม่ของพี่ต้นเป็นครั้งแรก
พ่อพอทำใจได้แล้ว แต่แม่ไม่ใช่เลย
สีหน้าของแม่ราวกับจะแตกสลาย...
พ่อบอกว่า พ่อกับแม่ทานอะไรไม่ลงมาหลายวันแล้ว
บ่อยครั้งในขณะที่พระสวด
แม่มักจะทำใจไม่ได้ ถึงกับต้องให้คนพาเดินออกมานั่งข้างนอก
ผมคิดถึงแม่ผมทันที และมันเป็นภาพที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวไหนอีกเลย...

ในงานพวกผมช่วยกันต้อนรับแขก จัดเก้าอี้ และเสิร์ฟน้ำ
แบ่งเบาภาระให้กับผู้ใหญ่ และเพื่อทำอะไรให้พี่ต้นเป็นครั้งสุดท้าย
พวกผมจับกลุ่มคุยกันขณะรอเสิร์ฟน้ำ
"กูแม่งยังจำคำพูดแกได้อยู่เลยวะ ที่แกบอกว่าพวกมึงโดนตัดแต้มอย่าไปซีเรียส มีปัญหาอะไรให้โทรหากู" ไอ้นัทพูด
"กูแม่งคิดในใจว่า ไม่มีใครมาตัดแต้มกูได้หรอก จนถึงวันก่อน โดนไปแล้วเรียบร้อย 5 แต้ม... กูแม่งนึกถึงคำพูดแกขึ้นมาทันทีเลย" ไอ้นัทพูดติดตลก แต่ทุกคนจำได้ดีถึงคำๆนี้ที่พี่ต้นเคยพูดเอาไว้
จริงๆพวกเราก็คุยกันเรื่องเก่าๆที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับพี่ต้นมาตลอดทั้งงาน
เมื่อพิธีต่างๆเป็นอันเสร็จเรียบร้อย 
พวกเราช่วยเคลียร์สถานที่ต่างๆจนจบงาน
ก่อนกลับพวกเราไปลาพี่ต้นและพ่อกับแม่
"พ่อขอบใจมากนะลูกที่มาช่วยงานกัน และเอาเรื่องของพี่ต้นเป็นบทเรียนนะลูก
ขับรถก็ให้คาดเข็มขัด แล้วก็อย่าไปขับเร็วมาก วันนั้นพี่เขารีบไปเอาสำนวนเพื่อมาทำคดี

เลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น " พ่อพูดกับพวกเรา พร้อมกับอวยพรให้พวกเรากลับโรงเรียนอย่างปลอดภัย
แม่ยังไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นเคย ได้เพียงแต่ส่งสายตาอันว่างเปล่าให้
.
.
พวกเรากลับขึ้นรถตู้ที่พี่ช้าง 52 จัดหามาให้เพื่อที่จะกลับโรงเรียน
"พวกมึงสัญญากับกูนะว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับรุ่นเรา" มิวพูดขึ้น
"มันจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้นกับรุ่นเรา" ผมตอบ

.
.
รถตู้เคลื่อนออกจากวัด ความเงียบภายในรถทำให้ผมได้ทบทวนอะไรบางอย่าง


"อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมกลับมาเขียนถึง 
บทเรียนสุดท้ายจากพี่คนนี้"



บทเรียนราคาแพง ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีกเลย
สนทยา 52