สำหรับหนัง Mission Impossible 5 : Rouge Nation เป็นหนังที่ตั้งหน้าตั้งตารอดูเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งเพราะอยากมาดูพ่อพระเอก Tom Cruise ที่ถึงแม้ว่าอายุจะปาเข้าไปแล้ว 50 ก็ตาม และส่วนหนึ่งก็จากที่ติดใจมาจากฉากภาค 4 ที่ทำให้ผมถึงกับตั้งหน้าตั้งตารอภาค 5 ด้วย คำว่า Mission Impossible ของจริง!
ฉากแรกเปิดมาด้วยฉากเครื่องบินที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดังเพราะพี่ทอม ครูซสุดหล่อของเรา ลงทุนเกาะเครื่องบินเล่นบทเสี่ยงตายนี้ด้วยตัวเอง! ผมได้ดูเบื้องหลังที่พี่แกไปเกาะอยู่ข้างเครื่องบินมาหลายต่อหลายรอบ เพราะปลื้มว่ามันเจ๋ง ...แต่พอมาดูจริงแล้วเฉยๆ... อาจจะเป็นเพราะผมมองว่ามันดูไม่สมเหตุสมผลก็เป็นได้ แต่ถามว่ามันตื่นตาตื่นใจแล้วตื่นเต้นไหม? ผมบอกเลยว่ามาก (สำหรับคนที่ไม่ได้ดูเบื้องหลังมาก่อน)
ฉาก Intro credit ผมนึกถึงของเจมส์บอนด์ภาคไหนจำไม่ได้ที่ใช้ ชนวนระเบิดเช่นกัน แต่บอกเลยว่าของเขาดูคลาสสิคกว่าเยอะ คือ MI5 มันดูงงๆ เร็วๆ ยังไงไม่รู้ ทำให้มันเเหมือนกับว่าผมไม่รู้จะดูอะไรจากฉากนี้ เหมือนไม่มีจุดนำสายตา อาจจะเพราะด้วยสีพื้นหลังมันกลืนไปหมด
![]() |
รีเบ็คกา เฟอร์กูสัน รับบทนางเอกผู้มากความสามารถ |
![]() |
สกิลพระเอก ยิงเท่าไหร่กระสุนก็ติดกำแพง |
ในภาคนี้ความเข้มข้นของหนังดูลดลงไปมาก คือไม่ค่อยกดดัน แต่ออกฮาๆมากกว่า มีมุกมาให้เล่นเรียกเสียงหัวเราะแทบทุกฉาก ขัดกับความรู้สึกที่ว่า เห้ยในอเมริกาไม่มีใครเขาเอาคุณแล้วนะ! แถมวายร้ายก็ยังคอยจะเล่นงานอีก! แต่หนังดำเนินไปแบบเรื่อยๆ ไม่มีอะไรให้พระเอกต้องหนักใจ ในฉากแก้ปัญหาและขบคิดกันก็ดูวางแผนกันง่ายๆ(แต่ลึกล้ำ) แต่ความไม่สมเหตุสมผลกันเริ่มลดลง
ฉากที่ผมชอบในภาคนี้ที่สุดคงเป็นฉากที่ต้องเข้าไปเปลี่ยนชิปใต้น้ำและฉากที่ต้องไปเอาไฟล์เสียงนายกรัฐมนตรี ฉากใต้น้ำทำได้ดีมากถ้าฟังดีๆ เสียงเอฟเฟคจะเป็นเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจตลอด แถมมีเสียงน้ำและตัดเสียงอื่นๆออกไปทั้งหมด ให้ความรู้สึกเหมือนกับเราเป็นอีธานในช่วงเวลานั้น
ฉากต้องไปเอาไฟล์เสียงนายก ยอมรับเลยจริงๆว่าฉากนี้เดาไม่ถูกว่าจะเอามาได้ยังไง มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายและแก้เผ็ดแก้เกมทำให้อีธานและเพื่อนกลับมาแก้ตัวกับองค์กรได้ในคราวเดียว แถมแอบมีมุกฮาๆในจังหวะที่กำลังสแกนลายมือนายก อย่าง "มือคุณอุ่นจัง" (อ้าวเห้ย!? นายกมึงเป็นเกย์นี่หว่า!!)
รถล้ำๆฉันหายไปไหน?? ในภาคนี้ผู้สนับสนุนยังคงเป็น BMW ยี่ห้อรถในดวงใจของผม แต่ทว่ารถสุดไฮเทคในภาคนี้นั้นมันไม่ออกมาเลยครับ! แต่มาแทนที่ด้วย BMW M3 รุ่นใหม่ รถตัวใหม่ของ BMW ที่ Body มันดูเป็นรถบ้านๆมากกว่ารถ Sport อาจจะเป็นเพราะ ภาค 4 ได้เปิดตัว BMW i8 Supercar ไปแล้ว จะเอารถทรง Sport กลับมาเล่นมุกเดิมก็กะไรอยู่ ก็เลยเอาเป็นว่าโชว์ความทนทานของรถรุ่นนี้ด้วยการขับลงบันไดมันซะเลย! แถมด้วยการถอยหลังลอยฟ้าลงมารถตีลังกา 5 รอบ แล้วคนนั่งยังไม่ตายก็ถือว่าพอคุ้มค่าสปอนเซอร์ละวะ!!
![]() |
BMW S 1000 RR มอเตอไซค์ว่าหล่อแล้ว...แต่คนขี่หล่อกว่า! |
แต่ทีเด็ดในภาคนี้จริงๆอยู่ในฉากที่การขี่มอเตอไซค์ต่างหาก! ถือว่าตื่นเต้นเร้าใจมาก แถมพี่ทอม ครูซคนเดิมเพิ่มเติมคือแสดงเอง มาขี่โชว์แบบหล่อๆ แถมน่าจะเป็นภาคที่ไล่ล่าด้วยมอเตอไซค์กันนานที่สุดและมันส์ที่สุด! ...แต่สุดท้ายเฮียแกแหกโค้งเพราะนางเอกมายืนกลางถนน กลิ้ง 10 ตลบ แต่เลือดไม่มีซักหยด แถมยังกลับไปนั่งรอที่บาร์แบบชิลๆ บางทีก็ลืมไปว่าเฮียแกเป็นอีธานนึกว่าเป็นกัปตันเมกาตลอดดด
ภายในเรื่องมีหลายฉากที่เราให้ชวนขบคิดอย่างเช่นในฉากที่นางเอกคุยกับอีธานที่สนามบิน เธอบอกเสนอทางเลือกทางเลือกให้ 3 ทาง และหนทางสุดท้ายคือหนีไปกับเธอ เธอให้เหตุผลว่า ไม่ว่าอย่างไรต่อให้เราทำไปเท่าไหร่ก็จะต้องมีคนอย่างเลน(ตัวร้าย)ออกมาเรื่อยๆ และอย่างไรต่อให้ไม่มีเราก็ต้องมีคนที่มาทำหน้าที่แทนเราอยู่ดี อีธานแสดงสีหน้าออกมาเหมือนอยากจะตอบข้อ 3 พอมาลองคิดเป็นอีธานแล้วข้อ 3 ก็คงเป็นข้อเสนอที่เขาอยากจะทำมากที่สุดในชีวิต ถ้าลองดูตั้งแต่ภาคแรก กับภารกิจที่เขาได้รับและสิ่งที่เขาต้องสูญเสียไป
สิ่งที่ผมผิดหวังสำหรับภาคนี้ก็คือ ตัวร้ายช่างกระจอกเหลือเกิน...ไหนว่าถูกฝึกมาอย่างดี? หลายๆช็อทที่ทำให้ความรู้สึกถึงความสูสีนั้นไม่มีเลย หรืออาจจะเป็นเพราะอีธานและนางเอกโหดเกินไป? ในภาคนี้มันเลยไม่มีจุดที่ว่าอีธานจนมุมอย่างที่สุดเลยแม้แต่ฉากเดียว...
และเรื่องที่น่าผิดหวังที่สุด
.
.
.
.
.
ก็คือ
.
.
.
.
.
.
"ทำไมมึงไม่จูบกันฟระ!!!"
ผมนี่แทบจะตะโกน "เชี้ยยยย" ให้ลั่นโรง ไอ้การ friend hug นี่มันคืออะไร!? มันไม่ถูกต้อง!!! ( T ^T)
สรุปความน่าดู (8.5/10)
ถึงแม้ว่าผมจะบ่นไปอย่างเยอะแต่เอาจริงๆแล้วภาคนี้ไม่ถึงกับว่ามันห่วย มันดีด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้เทียบกับภาคก่อนๆ ความหนักหน่วง ความซีเรียสของเนื้อเรื่อง ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่มันถูกแทนที่ด้วยมุกสนุกๆที่แอบเนียนๆมาในบท ทำเอาหัวเราะหรือยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่อง แถมเนื้อเรื่องปั่นหัวคนดูให้คิดได้ตลอดว่าจริงๆแล้วภารกิจจริงหรือลวงและใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกันแน่!? แผนอันเหนือชั้นที่คุณดูแล้วต้องอึ้ง สมกับเป็น Mission Impossible และความพริ้วไหวของนางเอกในภาคนี้ ก็ชวนให้หนังดูสนุกสนาน บทตัวละครต่างๆก็ดี ไม่หนักไปที่อีธานคนเดียว เอาเป็นว่าใครยังไม่ดูก็ไปดู ส่วนใครดูแล้วก็มาติชมกันตรงนี้แหละครับ :)